• จิตที่เหนือเวทนา [6836-7q]
    Sep 6 2025
    Q: วิธีพิจารณาเวทนาขณะเจ็บป่วยA: คนเราตายได้ง่าย เป็นข้อที่เราต้องตระหนัก ความกลัวตายมี 2 แบบ คือ ความกลัวที่เป็นอกุศล ก็คือความกลัวที่จะตาย และความกลัวที่เป็นกุศล คือกลัวตกนรก ความกลัวตกนรกนี้เป็นกุศล เพราะจะทำให้เราตระหนักว่าเรายังมีบาปอกุศลกรรมใดหรือไม่ ที่จะทำให้ไปตกนรก ถ้ามีต้องรีบละ หากเคยทำผิดศีล ก็ให้สมาทานศีลขึ้นมาใหม่ เราต้องเข้าใจว่าสิ่งใดที่ทำไปแล้ว ก็ล่วงไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดไม่ได้ “อย่ากระนั้นเลย เราจะละสิ่งนั้นเสียเราจะตั้งใจทำใหม่” หากละได้แล้ว ก็ให้อยู่ด้วยปิติและปราโมทย์Q: วิธีพิจารณาความกลัวการพลัดพรากA: 1) พิจารณาจากของ เช่น ข้าวของเงินทอง ว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อเราตายไปแล้วเอาไปด้วยไม่ได้ แต่หากเราตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา เมื่อเทียบทรัพย์ของเทวดากับเงินทอง เงินทองค่ามันน้อยมาก ๆ 2) พิจารณาจากคน คนที่เรารักมากที่สุดต่อให้เราตายไป โลกก็ต้องเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมดีก็ได้รับผลดี ใครทำกรรมชั่วก็ได้รับผลชั่ว Q: วิธีตัดความกังวลใจA: วิธีที่ 1 เข้าสมาธิให้ลึก เราจะเข้าสมาธิที่ลึกได้ เราต้องตั้งสติ อย่ากังวลใจ อย่าเพลินไปตามอาการ เมื่อเราตัดได้จิตเราจะเป็นสมาธิ จิตจะแยกจากกายได้ ร่างกายก็จะได้พัก วิธีที่ 2 ฟังบทโพชฌงค์และสติปัฎฐาน 4 การฟังธรรมะ จะทำให้เราจิตสงบเป็นสมาธิพอเรามีปิติ มีสุข มันก็จะส่งผลให้กายมีปิติ มีสุข ไปด้วย จะทำให้ร่างกายหายได้โดยควรแก่ฐานะหรือถ้าไม่หายแล้วตาย ก็ทำให้ไปดี ไปสวรรค์และถ้าเห็นความเกิดขึ้น เห็นความดับไป จะไปนิพพานได้ ไม่ก่อน ไม่หลังจากการตายQ: วิธีให้จิตอยู่เหนือกายA: การแยกจิตกับกาย ทุกขเวทนาอยู่ที่กาย รับรู้สุขทุกข์อยู่ที่จิต เราจะแยกจิตให้อยู่เหนือจากกาย เหนือจากเวทนาที่เกิดขึ้นในกาย เราต้องเห็นว่ากายนี้เป็นของไม่เที่ยง เวทนาเป็นของไม่เที่ยง เวทนาทั้งสุขและทุกข์นั้นไม่เที่ยง เห็นบ่อย ๆ จะเกิดความหน่ายคลายกำหนัด ปล่อยวางได้ในเวทนาทั้งสุขและทุกข์ เข้าใจว่าทั้งสุขและทุกข์นั้นไม่เที่ยง ไม่ยึดถือในทั้งในสุขและทุกข์ พอเข้าใจอย่างนี้ ...
    Voir plus Voir moins
    57 min
  • ปัญญาในการเห็นไตรลักษณ์ [6835-7q]
    Aug 30 2025

    Q: อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้นตรงไหน?

    A: อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เรียกรวมว่า “ไตรลักษณ์” เป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นระบบสมมุติทั้งหมด เรียกว่า “สังขตธรรม” ลักษณะ คือ มีการเกิดปรากฏ มีความเสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่ มีภาวะอื่น ๆ ปรากฏ ก็คือธรรมที่มีการปรุงแต่งด้วยเหตุเงื่อนไขปัจจัย ถ้าคุณไม่เห็นว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันไม่ใช่ตัวตน มันก็จะทำให้คุณ ยินดี พอใจ ยึดถือ เข้าใจว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอด จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ พอมันเปลี่ยนแปลงไป เราจึงทุกข์ทันที ทุกข์เพราะไม่เป็นตามที่หวัง ที่เราไม่เห็น เพราะอวิชชาทำให้เราไม่เห็น เพราะพอเราเพลินพอใจ ตัณหา อวิชชา ทำงานคู่กัน ทำให้เราไม่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตัณหาอวิชชาทำงานคู่กัน ทำให้เราเห็นว่าเป็นนิจจัง สุขขัง อัตตา ในสิ่งที่มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เราจะรู้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ ต้องเกิดตรงที่เราไม่รู้


    Q: ใครเป็นผู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    A: เราจะเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ด้วยปัญญาระดับ “ภาวนามยปัญญา” เราจะมีปัญญาที่เป็นภาวนามยปัญญาได้ ต้องทำตามมรรค 8 มีศรัทธา สติ สมาธิ ความเพียร ฟังธรรมใคร่ครวญธรรมอยู่เนือง ๆ ภาวนามยปัญญาจึงจะเกิดจึงจะเห็น สิ่งที่เราเข้าใจว่านิจจัง แท้จริงเป็น “อนิจจัง” เข้าใจว่าสุขแท้จริงคือ “ทุกขัง” เข้าใจว่าเป็นตัวตนแท้จริงนั้นมันเป็น “อนัตตา”

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Voir plus Voir moins
    55 min
  • จัดสมดุลระหว่างธรรมกับหน้าที่ [6834-7q]
    Aug 23 2025
    Q: จะทำจิตให้สมดุลได้อย่างไรระหว่างธรรมกับหน้าที่ ?A: เราต้องตั้งจิตให้เป็นสัมมาทิฐิก่อน ท่านให้เกณฑ์ของศีลไว้ คนที่ผิดศีล ฆ่าคน ต้องไปตกนรก การที่เราเข้าใจว่า ฆ่าคนแล้วไปสวรรค์ นั่นเป็นมิจฉาทิฐิ คนที่มีมิจฉาทิฐิแม้ตัวเองจะไม่ได้ไปออกรบเองก็จะมีคติที่ไป คือไปเกิดในนรกหรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน และการเข้าใจว่าคนที่เป็นมิจฉาทิฐิทั้งหมด ต้องไปนรกทั้งหมดนั้นมันไม่แน่ อย่าเหมา มิจฉาทิฐินั้นจะมีสุดโต่ง 2 ข้าง ข้างหนึ่ง คือ เข้าใจว่า ที่จริงต้องไปนรกแต่เข้าใจว่าไปสวรรค์ สุดโต่งอีกข้างหนึ่ง คือเข้าใจว่า ทั้งหมดต้องไปนรก ให้เรามาตรงกลาง คือ สัมมาทิฐิ ว่าอกุศลที่เราทำไปมีอยู่ มิจฉาทิฐิกับทำผิดศีลนั้นไม่ดี “อย่ากระนั้นเลย เราจะละความเข้าใจผิดนั้นเสีย แล้วเราก็จะละการผิดศีลนั้นเสีย ละการฆ่าคนนั้นเสีย ก็จะทำสิ่งที่ควรทำ เว้นสิ่งที่ควรเว้น” Q: อะไรคือสิ่งที่ควรทำ เว้นสิ่งที่ควรเว้น?A: “สิ่งที่ควรเว้น” คือ เว้นการผิดศีล เว้นมิจฉาทิฎฐิ เว้นการฆ่าคน เว้นการกระทำที่กระตุ้นราคะ โทสะ โมหะ ให้มากขึ้น “สิ่งที่ควรทำ” คือ ตั้งจิตให้อยู่ในแดนกุศล เข้าใจว่าศีลคือสิ่งที่ต้องรักษา เข้าใจว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เมื่อเคยทำผิดศีลแล้วต่อมาเข้าใจถูก ก็เลิกพูดในสิ่งที่ผิด (ในที่นี้คือ เลิกพูดว่าฆ่าคนแล้วได้ไปสวรรค์) เมื่อทำสิ่งที่ควรทำ เว้นสิ่งที่ควรเว้นอย่างนี้แล้ว นั่นคือช่องทางที่เราจะดำเนินชีวิต ก็จะสามารถที่จะถึงกระแสพระพุทธเจ้า เป็นโสดาบันได้ Q: แล้วควรจะทำอย่างไร?A: ให้เข้าใจว่าเราไม่ได้ทำกิจนั้นตลอดเวลา ให้ตั้งจิตให้เป็นกุศล ทำจิตไว้ให้ดี ตั้งเจตนาให้ถูก ให้เข้าใจว่าถึงยังไงก็แก้ไขได้ ไม่ใช่ว่าผิดศีลแล้วคือผิดหมด ให้เข้าใจว่าแม้ผิดศีลก็แก้ไขได้ Q: วางจิตทำหน้าที่ต่างกัน ผลต่างกันหรือไม่?A: ท่านอุปมาไว้ดังรอยกรีด หากวางจิตเพื่อป้องกัน ไม่ได้มุ่งทำร้าย ก็อุปมาดังรอยกรีดบนน้ำ หากวางจิตที่หมายจะเอาชีวิต ฆ่าฟัน ก็อุปมาดัง รอยกรีดบนหิน ที่จะให้ผลหนัก Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
    Voir plus Voir moins
    55 min
  • เหนือโลกแบบไม่หลุดโลก [6833-7q]
    Aug 16 2025
    Q: วิธีเจริญสติในเวลาทำงานทำอย่างไร?A: เราต้องมีเครื่องระลึกถึงคือ “สติ” ในทุก ๆ อิริยาบถ ไม่ขัดเคือง มีเมตตาให้คนอื่น เวลาทำงานถ้ากิเลสเพิ่ม นั่นคือไม่มีสติในการทำงาน เวลาทำงานถ้ากิเลสลด นั่นคือมีสติในการทำงานQ: พระเครื่องไม่มีในพระพุทธศาสนาใช่ไหม?A: มีหลังจากที่พระพุทธเจ้าท่านปรินิพพาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงคุณของท่าน โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำ คือเดินตามทางมรรค 8 ไม่ใช่ห้อยพระ เพื่ออยากให้บันดาลสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้Q: “สิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน ที่คิดได้รู้สึกได้ว่าเป็นตัวตน” และ “สิ่งที่ถูกหลอกว่าเป็นตัวตน” นั้นคือสิ่งใด?A: สิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนคือ “ขันธ์ 5” สิ่งที่ถูกหลอกว่าเป็นตัวตนคือ “จิต” จิตหลอกตัวเองว่าจิตเป็นของเรา แล้วจิตก็หลอกตัวเองไปยึดถือขันธ์ 5 โดยความเป็นตัวตน ว่านั่นเป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา มันล๊อกกันอยู่ 2 ชั้น ให้เราพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตน เมื่อเห็นตรงนี้จะคลายความยึดถือและปลดล๊อกได้ ให้เรารักษาจิต ด้วยสติ ศีล สมาธิและปัญญา เมื่อความจริงปรากฏว่าจิตก็ไม่เที่ยง เมื่อเห็นความไม่เที่ยง จิตก็จะละเอียดลงๆ หลุดพ้นจากความยึดถือ อวิชชาที่อยู่ที่จิตก็จะดับไป และสิ่งเหลืออยู่ ก็คือจิตที่บริสุทธิ์นั่นเองQ: การใช้ชีวิตตอนอยู่นอกคอร์สปฏิบัติธรรม ?A: เมื่อเรายังต้องอยู่ในสังคม สิ่งที่สำคัญ คือ “จิตใจ” ให้อยู่เหนือโลก เหนือผัสสะที่จะมาทำให้เราสุข ทุกข์ ขัดเคือง ลุ่มหลง ให้เหนือจากสิ่งเหล่านี้ด้วยสติสัมปชัญญะ เหนือด้วยสติปัญญา อย่าทำตัวเป็นคนหลุดโลก คือไม่สนคนอื่นหรือทำตัวประหลาด ให้ดูว่าเพื่อนที่ไปด้วยว่าเป็นกัลยาณมิตรไหม ชวนคุยเรื่องธรรมะหรือหากคุยเรื่องงานก็ให้คุยด้วยสัมมาวาจา หากคำพูดใดที่จะทำให้อกุศลเกิดก็อย่าพูดQ: คนเลือกเกิดได้หรือไม่ ?A: ทั้งได้และไม่ได้ หากเราทำดีรักษาศีล ก็เลือกเกิดไปสวรรค์ได้ หากเราผิดศีล ก็คือเลือกเกิดไปนรก หากจะเลือกไม่เกิดเลย ก็ต้องปฏิบัติตามรรค 8 จะไปนิพพานได้ หรือหากหมายถึงเลือกเกิดได้ แบบอยากรวย สวย หล่อ ต้องตั้งจิตอธิฐาน ซึ่งอาจจะได้หรือไม่ได้ก็ได้ ไม่แน่นอน ...
    Voir plus Voir moins
    56 min
  • อุปสมบทวิบัติ [6832-7q]
    Aug 9 2025

    Q: ถ้าอุปัชฌาย์ปาราชิกจะมีผลต่อการบวชอย่างไร?

    A: ท่านบัญญัติไว้ว่าเหตุที่จะบวชไม่สำเร็จ คือ “วิบัติ 4 ประการ”

    1) วัตถุวิบัติ คือ คนที่บวช พ่อ แม่ไม่อนุญาตให้บวช อายุต่ำกว่า 20 ปี เป็นโรคเรื้อน โรคมงคร่อ โรคลมบ้าหมู อวัยวะไม่สมประกอบ เคยถูกหลวงลงอาญาและไม่ใช่คน จึงต้องมีการไต่ถาม ตรวจสอบ ถ้ารู้ก่อนไม่ให้บวช คือ คนที่ไม่มีบาตร มีหนี้ ติดคดีความ ถ้ารู้ภายหลังต้องให้สึก คือเคยทำอนันตริยกรรม มีอวัยวะสองเพศ กะเทย ขันที การที่มารู้ทีหลัง คนที่บวชให้จะอาบัติ แต่พระที่บวชมาแล้วไม่อาบัติ

    2) บริษัทวิบัติ ในหมู่พระขณะที่บวชนั้น จะต้องมีพระที่ไม่ปาราชิกเกิน 5 รูป ของพระที่อยู่ในในหัตถบาท และหากมีคนที่ไม่ใช่พระอยู่ในนั้น ก็วิบัติเช่นกัน

    3) สีมาวิบัติ สถานที่ที่ใช้ในการบวชต้องได้รับการสมมติสีมาขึ้นอย่างถูกต้อง พระที่อยู่ในเขตสีมา ต้องอยู่ในหัตถบาส แต่ถ้าอยู่ในเขตสีมา แต่อยู่นอกหัตถบาสถือว่าบริษัทไม่บริสุทธิ์

    4) กรรมวาจาวิบัติ ถ้าคนที่จะมาบวช กล่าวไม่ถูก กล่าวผิด ถือว่าวิบัติ

    Q: ใครคืออุปัชฌาย์?

    A: อุปัชฌาย์ หมายถึง ผู้นำเข้าหมู่ ตอนแรกกฎยังไม่มาก ภายหลังพอกฏระเบียบมากขึ้นก็ต้องมีผู้แนะนำสั่งสอน ผู้สั่งสอนและนำเข้าหมู่จึงเรียกว่า “พระอุปัชฌาย์” แต่บางทีพระอุปัชฌาย์อาจจะไม่ได้สอน ก็จะมีพระอาจารย์เป็นผู้สอน

    Q: การจัดคอร์สในปัจจุปันมีที่ไหนบ้าง?

    A: สถานที่จัด: วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) จ.บึงกาฬ วันที่ 6-14 ธันวาคม 2568 และ วันที่ 21 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2569 การเดินทาง : เดินทางได้ด้วยรถทัวร์และเครื่องบิน ลงที่สนามบินอุดรธานี มีรถไปรับ (นัดเวลากันอีกครั้ง) ท่านสามารถสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.panya.org

    Q: ธรรมะข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในช่วงสงครามนี้

    A: ให้จิตของเราไปตามกระแสของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วรักษาจิตเราให้ดี รักษาศีลให้ดี ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Voir plus Voir moins
    55 min
  • อาชีวะของภิกษุ [6831-7q]
    Aug 2 2025

    Q: อาชีวะของภิกษุ เรื่องการซื้อการขาย

    A: พระห้ามซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนของด้วยตัวเอง เพราะผิดพระวินัย แต่หากมีไวยาวัจกร ทำหน้าที่ซื้อขายแทน สามารถทำได้


    Q: วัตถุอนามาส วัตถุที่ไม่ควรแตะต้อง

    A: วัตถุอนามาส เป็นของที่พระไม่ควรแตะต้องเพราะจำทำให้เกิดกิเลสได้ง่าย ได้แก่ 1) ศาสตราวุธ 2) เครื่องดักสัตว์ 3) วัตถุของมีค่า 4) เครื่องประโคมดนตรี 5) สัตว์เดรัชฉานตัวเมีย รวมถึงกะเทย ผู้หญิง เครื่องแต่งกายหญิง ตุ๊กตาที่เป็นผู้หญิง 6) ข้าวเปลือกหรือผลไม้ที่ออกรวงออกผลแล้ว

    Q: ภิกษุกับการขับรถยนต์

    A: ไม่มีระบุไว้ในพระวินัย แต่ความเห็นของอรรถกถาจารย์ในประเทศไทยห้ามพระขับรถ


    Q: การดูแลบิดามารดาที่แก่เฒ่า

    A: ท่านอนุญาตเรื่องการดูแล คือ การอำนวยความสะดวก เช่น หาคนมาดูแลท่าน การนำอาหารที่บิณฑบาตมาด้วยปลีแข้งของตัวเองเอาไปให้ ท่านอนุญาตให้เท่านี้ เกินกว่านี้จะอาบัติ

    Q: เมื่อพระป่วยจะฉันอย่างไร?

    A: สิ่งที่ท่านฉันได้หลังเที่ยง คือ น้ำผลไม้ที่ไม่ผ่านความร้อนไม่เติมน้ำตาลและน้ำเปล่า ท่านสามารถฉันได้โดยไม่ต้องมีเหตุ แต่ถ้าจะฉันเพื่อระงับเวทนา ท่านก็ให้พิจารณาก่อนค่อยฉัน ได้แก่ เภสัช5 น้ำต้มเนื้อเอาแต่น้ำ ข้าวยาคูแค่น

    Q: ที่นอน

    A: ที่นอนเตียงตั่งพระห้ามสูงเกินเอว ห้ามนอนเตียงตั่งยกสูง ห้ามไม่ให้เท้าของตั่งหรือเตียงเป็นรูปสัตว์หรือประดับด้วยทอง ฟูกต้องเป็นขนาดที่นอนได้คนเดียวห้ามหนาเกินคืบ หมอนต้องเป็นหมอนที่หนุนได้คนเดียว ห้ามมีหมอนข้าง

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Voir plus Voir moins
    56 min
  • พิจารณาถูกไม่หลงทาง [6830-7q]
    Jul 26 2025

    Q : วิธีเช็คจรรยาบรรณจริยธรรมในจิตเป็นอย่างไร?

    A : ใช้มรรค 8 เป็นเกณฑ์ ท่านให้พิจารณาไตร่ตรอง ใคร่ครวญ โยนิโสมนสิการ ด้วยจิตที่เป็นสมาธิถึงความไม่เที่ยงอยู่เนือง ๆ เมื่อเราพิจารณาอยู่เนือง ๆ ความเข้าใจบางประการจะเกิดขึ้น แจ่มแจ้งขึ้นว่า เราไม่ควรทำอย่างนั้น แล้วเราจะกลับตัวได้ เราจะเตือนตนด้วยตนได้ ยิ่งเรากลับตัวได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าหากเราเตือนตนด้วยตนไม่ได้ก็ต้องให้คนอื่นเตือน สังคมเตือน การลงโทษหรือตกนรก

    Q : การพยากรณ์ต่อวัสสการพราหมณ์จะเป็นใครในอนาคต

    A : วัสสการพราหมณ์ ในโคปกโมคคัลลานสูตร ในอรรถกถาเขียนไว้ว่าพราหมณ์ท่านนี้ปรากฏว่าไปเกิดเป็นลิง เพราะเหตุที่สมัยหนึ่งเดินลงมาจากเขาคิชฌกูฏ เห็นพระมหากัจจายนะแล้วบอกว่าเหมือนลิง พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวว่า “ถ้าขอขมาจะเป็นการดี ถ้าไม่ได้ขอขมาหลังจากตายแล้วจะไปเกิดเป็นลิง” แต่เขาไม่ทำตาม

    Q : วางจิตอย่างไรต่อข่าวในทางไม่ดีของพระ

    A : “สงฆ์” แปลว่าหมู่ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรเหมา การเหมาว่าพระทุกรูปจะเป็นแบบนี้ จะทำให้สรณะของเราเศร้าหมอง ให้เราขอขมาพระรัตนตรัย ด้วยการตั้งจิตแล้วขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอตั้งจิตเราต่อสรณะ 3 อย่างนี้ ไม่ควรติเตียนใคร ใครทำกรรมก็ได้ผลของกรรมนั้นไป

    Q : ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแสดงให้ใครฟัง แสดงที่ไหน?

    A : แสดงไว้ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี แสดงธรรมให้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และเทวดาท่านก็ได้ยืนฟังด้วย

    Q : อนาถบิณฑิกเศรษฐีทุบศาลพระภูมิมาจากสาเหตุใด?

    A : อาจจะเป็นตอนที่จากเศรษฐีเป็นยาจก เรื่องราวทีสอดคล้องคือมาในนิทานธรรมบท ที่มีเทวดาตนหนึ่งอยู่ที่ซุ้มประตูบ้านของท่านบอกว่า ถ้าท่านยังให้ทานอยู่ท่านจะจนลงไปอีก ท่านเศรษฐีจึงทุบซุ้มประตูทิ้ง

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Voir plus Voir moins
    59 min
  • ศาสนาเสื่อมได้เจริญได้ [6829-7q]
    Jul 19 2025
    Q : พุทธศาสนาในปัจจุบันนี้เจริญขึ้นหรือเสื่อมลง?A : คำสอนหากมีคนนำมาทำนำมาปฏิบัติย่อมเจริญ แต่หากไม่มีคนนำมาทำนำมาปฏิบัติ คำสอนก็จะเสื่อมลง เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับการนำมาใช้งาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำสอน ท่านกล่าวไว้ว่า “ธรรมะที่จะทำให้เจริญได้ คือ ความไม่ประมาท” เป็นประโยชน์ทั้งในปัจจุบันและต่อไป ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า Q : ศาสนาเดียวกันแต่ทำไมปฏิบัติต่างกันA : ความแตกต่างกันมีอยู่แล้ว เพราะท่านสอนไว้หลายอย่าง ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ท่านชำนาญด้านไหนท่านก็สอนด้านนั้น Q : หลักการในการพิจารณาว่าอะไรเป็นธรรมวินัยตามคำสอนของพระพุทธเจ้าA : หากเราได้ยินได้ฟังจากใครก็ตาม แล้วเขาบอกว่านี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้เรารับฟังไว้ก่อน แล้วกำหนดบทอรรถและพยัญชนะให้ถูกต้อง จากนั้นนำไปเทียบเคียงในพระสูตรและพระธรรมวินัย ว่าเข้ากันได้ลงรับกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ให้ละทิ้งคำเหล่านั้นเสีย ถ้าได้คำสอนนั้นก็สามารถนำมาปฎิบัติได้ Q : สายมูกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าA : เราต้องรู้จักใคร่ครวญ พิจารณา แยกแยะ คือ โยนิโสมนสิการ พิจารณาตามมรรค 8 ตามหลักอริยสัจสี่ เราจะสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนดีเป็นกุศลหรือสิ่งไหนไม่ดีเป็นอกุศล Q : ทำพิธีแก้กรรม แก้กรรมได้จริงหรือไม่?A : ทำให้สิ้นกรรมทำได้ แต่เราต้องทำด้วยตัวเอง คนอื่นจะทำให้ไม่ได้ การที่เราจะทำให้สิ้นกรรมได้ คือ การทำกรรมดี ทำตามระบบของมรรค 8 เราจะอยู่เหนือกรรมดีกรรมชั่วได้ เรียกว่า “สิ้นกรรม” Q : ทำไมในสมัยปัจจุบันจึงมีผู้บรรลุพระอรหันต์ได้น้อยกว่าสมัยพุทธกาลA : ท่านเปรียบดัง ทองคำแท้ คือ “สัทธรรม” และ ทองคำปลอม คือ ”สัทธรรมปฏิรูป” เมื่อไหร่ที่มีทองคำปลอมเกิดขึ้น ทองคำแท้ก็จะลดลง ที่เรารู้สึกลดลงเพราะมีทองคำปลอมอยู่มาก ดังนั้นเราจะรักษาสัทธรรมได้ด้วยการกลับมาที่คำสอนโยนิโสมนสิการด้วยปัญญา ด้วยการใช้มรรค 8 เป็นตัวตรวจสอบ Q : วิธีดูที่พึ่งที่แท้จริง / ทองคำแท้ ทองคำปลอม A : ใช้มรรค 8 เป็นเครื่องมือตรวจสอบ พิจารณาใคร่ครวญด้วยปัญญา ประกอบด้วยการทำการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้พระพุทธเจ้าท่านไม่อยู่แล้ว ...
    Voir plus Voir moins
    58 min