Page de couverture de 3 ใต้ร่มโพธิบท

3 ใต้ร่มโพธิบท

3 ใต้ร่มโพธิบท

Auteur(s): ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
Écouter gratuitement

À propos de cet audio

เรียนรู้หัวข้อธรรมะ ที่เป็นแผนที่แม่บท เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วยสูตร 15+45 คือนั่งสมาธิ 15 นาที แล้วตามด้วยการอธิบายหัวข้อธรรมะ 45 นาที เพื่อให้ตกผลึกความคิดเป็นสัมมาทิฏฐิ มีปัญญาเดินทางแผนที่คำสอนได้. New Episode ทุกวันพุธ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org

Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

2024 panya.org
Philosophie Sciences sociales
Épisodes
  • สติปัฏฐาน 4 [6837-3d]
    Sep 9 2025
    ความระลึกรู้ ความตระหนักรู้ นั้นคือ สติ อันเป็นประธานในการกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง การเจริญสติให้มั่นคงเป็นหนทางสายเอกอันเป็นไปเพื่อการดับทุกข์ เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำบุคคลผู้เจริญให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ “สติปัฏฐาน 4”

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Voir plus Voir moins
    57 min
  • อาวาสิกธรรม [6836-3d]
    Sep 2 2025
    อาวาสิโก คือผู้อยู่ประจำอาวาส ภิกษุผู้อยู่ประจำอาวาส และอีกหนึ่งนัยยะ อาวาสิโก ยังหมายถึงเจ้าอาวาส ซึ่งในภาษาไทยได้นำมาใช้ในบริบทที่ว่าคือผู้นำผู้ปกครองของวัดนั้น อาวาสิกธรรม คือธรรมของผู้ที่อยู่ประจำถิ่น เป็นหลักธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำอาวาส การอยู่ประจำอาวาสอย่างไรที่จะทำให้ดีให้งาม ให้มีการเกิดประโยชน์เกิดบุญที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้ไปดีได้ในภพต่อๆไป ในตอนนี้ได้รวบรวมเนื้อหามาสรุปให้เป็นกลุ่ม โดยแบ่งตามคุณธรรมของผู้อยู่ประจำถิ่น ดังนี้กลุ่มที่1 เป็นผู้มี ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติดังนี้1)ถึงพร้อมด้วยมารยาทและวัตร 2)เป็นพหูสูต ทรงความรู้ 3)เป็นผู้ยินดีในการขัดเกลากิเลส ยินดีในความสงบ ยินดีในการที่จะไม่คลุกคลี 4)มีปัญญา เฉลียวฉลาดเห็นความเกิดขึ้นและดับไปอย่างแยบคายในการปฏิบัติ 5)แคล่วคล่องในการเข้า-ออกฌานทั้ง46)สามารถใช้ปัญญาและสมาธิที่มีนั้นในการที่จะบรรลุธรรมกลุ่มที่2 เป็นผู้มีสัมมาวาจา ดังนี้1)มีกัลยาณวาจาคือวาจางาม รู้จักพูด รู้จักเจรจาให้เป็นผลดี 2)สามารถกล่าวธรรมะให้ผู้มาหาเห็นแจ่มชัด ยอมรับไปปฏิบัติ เร้าใจให้แกล้วกล้า และเบิกบานใจกลุ่มที่3 เป็นผู้ทำการงานดี ดังนี้1)รู้จักปฏิสังขรณ์เสนาสนะสิ่งของที่ชำรุดหักพัง ตามเหตุตามปัจจัยกลุ่มที่4 เป็นผู้จักปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลรอบข้าง ดังนี้1)ชักนำคฤหัสถ์ให้ถือปฏิบัติในอธิศีล 2)ยังคฤหัสถ์ให้ตั้งอยู่ในธรรมทัศนะ คือรู้เห็นเข้าใจธรรม3)ไปเยี่ยมให้สติคนเจ็บไข้4)เมื่อมีสงฆ์หมู่ใหญ่มาจากต่างถิ่น ขวนขวายบอกชาวบ้านผู้ปวารณาไว้ให้มาทำบุญ5)เมื่อรับทานใดๆมาแล้ว จะเลวหรือดี ก็ใช้ด้วยตนเอง ไม่ยังศรัทธาให้ตกไปกลุ่มที่5 เป็นผู้รู้จักยกย่องหรือติเตียน ดังนี้1)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงกล่าวตำหนิติเตียนบุคคลที่ควรตำหนิติเตียน2)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงกล่าวยกย่องสรรเสริญบุคคลที่ควรยกย่องสรรเสริญ3)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงแสดงความไม่เลื่อมใส ในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส4)พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงแสดงความเลื่อมใส ...
    Voir plus Voir moins
    53 min
  • สาราณียธรรม [6835-3d]
    Aug 26 2025

    บทสวด สาราณียะธัมมะสูตตัง เป็นบทที่กล่าวถึงธรรมอันเป็นไปเพื่อความระลึกถึงกันและกัน คือธรรมแห่งการสร้างความสามัคคี เป็นบทสวดที่มาจากพระสูตรที่พระภิกษุจะมักสวดกันในวันเข้าพรรษา บทสวดนี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับภิกษุไว้ที่เมืองสาวัตถี ณ วัดเชตวัน โดยกล่าวถึงธรรม 6 ประการ ที่เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วจะเป็นธรรมเครื่องก่อให้เกิดอานิสงส์ 7 ประการ คือ

    1.สาราณียา (ระลึกถึงกัน)

    2.ปิยะกะระณา (เป็นเครื่องกระทำให้เป็นที่รักกัน)

    3.คะรุกะระณา (เป็นที่เคารพซึ่งกันและกัน)

    4.สังคะหายะ (เป็นไปเพื่อ ความสงเคราะห์ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล)

    5.อะวิวาทายะ (ไม่วิวาทกัน)

    6.สามัคคิยา (เกิดความพร้อมเพรียงกัน)

    7.เอกีภาวายะ(ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)

    โดยองค์ประกอบของสาราณียธรรม 6 ประการที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงคือ

    1.เมตตาทางกายทั้งต่อหน้าและลับหลัง

    2.เมตตาทางวาจาทั้งต่อหน้าและลับหลัง

    3.เมตตาทางใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง

    4.การแบ่งปันลาภที่ได้มาโดยธรรม

    5.มีศีลเสมอกัน ศีลไม่ทะลุไม่ด่างพร้อย

    6.มีทิฏฐิอันประเสริฐ คือรู้เจาะจงในอริยสัจ 4

    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Voir plus Voir moins
    57 min
Pas encore de commentaire