Épisodes

  • [รีวิว] The Idaho Four An American Tragedy (James Patterson, Vicky Ward) สรุปหนังสือ
    Aug 21 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ The Idaho Four An American Tragedy เขียนโดย James Patterson, Vicky Ward - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/TheIdahoFourAnAmericanTragedy - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/TheIdahoFourAnAmericanTragedy - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0DVSP125W?tag=9natree-20 #TheIdahoFourAnAmericanTragedy #รีวิวTheIdahoFourAnAmericanTragedy #สรุปTheIdahoFourAnAmericanTragedy #หนังสือTheIdahoFourAnAmericanTragedy 1. "The Idaho Four" เป็นหนังสือประเภทใด และเนื้อหาหลักของเรื่องคืออะไร? "The Idaho Four" เป็นหนังสือแนวเรื่องจริงที่อ่านเหมือนนิยาย โดยผู้เขียน James Patterson และ Vicky Ward ระบุว่าทุกรายละเอียดในหนังสือเล่มนี้มาจากแหล่งข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งจากการสัมภาษณ์และเอกสารข้อเท็จจริง หนังสือเล่าเรื่องราวของการฆาตกรรมอันน่าเศร้าของนักศึกษามหาวิทยาลัยไอดาโฮสี่คน ได้แก่ Ethan Chapin, Xana Kernodle, Maddie Mogen และ Kaylee Goncalves เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "Idaho Four" เป้าหมายของหนังสือไม่ใช่การคาดเดาผลการพิจารณาคดีของ Bryan Kohberger ผู้ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม แต่เป็นการเล่าถึงผลกระทบของอาชญากรรมเหล่านี้ต่อเมืองเล็กๆ ในอเมริกา รวมถึงการสำรวจเบื้องลึกของการสืบสวนคดีที่ซับซ้อนนี้2. ใครคือ "The Idaho Four" และพวกเขามีชีวิตเป็นอย่างไรก่อนเกิดเหตุ? "The Idaho Four" คือนักศึกษาสี่คนของมหาวิทยาลัยไอดาโฮที่ถูกฆาตกรรม: Kaylee Goncalves และ Maddie Mogen: สองเพื่อนซี้ผมบลอนด์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก พวกเธอเลือกมหาวิทยาลัยไอดาโฮเพราะต้องการเข้าร่วมชมรมกรีก แม้จะถูกแยกไปอยู่คนละบ้านของชมรม แต่พวกเธอก็ยังคงสนิทกันมาก Kaylee มีนิสัยชอบเข้าสังคมและใฝ่ฝันอยากทำงานด้านไอที ส่วน Maddie เป็นคนเงียบกว่าและชอบการถ่ายภาพและงานด้านการตลาด ทั้งคู่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่า 1122 King Road ในช่วงปีสุดท้ายของการศึกษา Xana Kernodle: เพื่อนร่วมบ้าน Pi Phi ของ Maddie ที่มีบุคลิกร่าเริงและไม่เกรงกลัวใคร เธอเติบโตมาอย่างอิสระและขาดความอบอุ่นจากแม่ เธอสนิทกับเพื่อนร่วมบ้านมาก โดยเฉพาะ Emily Alandt และ Ethan Chapin ซึ่งต่อมากลายเป็นแฟนของเธอ Xana เริ่มสนใจที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและวางแผนอนาคตร่วมกับ Ethan Ethan Chapin: นักกีฬาหนุ่มผู้มากความสามารถจาก Mount Vernon รัฐวอชิงตัน เขาเป็นหนึ่งในสามพี่น้องฝาแฝด และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพี่น้องมาก Ethan เป็นคนเรียบง่ายและรักการผจญภัย เขาเริ่มคบหากับ Xana ...
    Voir plus Voir moins
    7 min
  • [รีวิว] Black AF History (Michael Harriot ) สรุปหนังสือ
    Aug 21 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Black AF History เขียนโดย Michael Harriot - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BlackAFHistory - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BlackAFHistory - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B08NWX9S9D?tag=9natree-20 #BlackAFHistory #รีวิวBlackAFHistory #สรุปBlackAFHistory #หนังสือBlackAFHistory 1. "ห้องกลาง" มีความสำคัญอย่างไรต่อการศึกษาและมุมมองทางประวัติศาสตร์ของผู้เขียน? "ห้องกลาง" เป็นหัวใจสำคัญของบ้านตระกูล Harriot และเป็นแหล่งความรู้ที่หล่อหลอมมุมมองทางประวัติศาสตร์ของผู้เขียนมาห้าชั่วอายุคน ห้องนี้เต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายประเภท ตั้งแต่นิยายวิทยาศาสตร์ไปจนถึงประวัติศาสตร์ และมีอุปกรณ์ล้ำสมัย เช่น โทรทัศน์และเครื่องเล่นเพลง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการแสดงความสามารถของครอบครัว ศาลจำลอง และที่สำคัญที่สุดคือเป็น "โรงเรียนประถม Dorothy Harriot สำหรับลูกๆ ของ Dorothy Harriot" ที่คุณแม่ของผู้เขียนเป็นผู้สอนเอง การศึกษาแบบโฮมสคูลนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็น "การทดลอง" ที่อิงจากความเชื่อของคุณแม่ที่ว่า "เด็กผิวดำไม่สามารถตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่ในที่ที่มีคนผิวขาว" การศึกษาใน "ห้องกลาง" นั้นตรงกันข้ามกับแนวคิดเรื่อง "การศึกษาที่ผิด" ของ Carter G. Woodson ซึ่งชี้ให้เห็นว่าในระบบการศึกษาของอเมริกา การดำรงอยู่ของคนผิวดำทั้งหมด "ถูกศึกษาในฐานะปัญหาหรือถูกมองว่าไม่มีนัยสำคัญ" ผู้เขียนตระหนักว่าการศึกษาของเขาใน "ห้องกลาง" นั้น "วิศวกรรมย้อนกลับ" ด้วยหลักสูตรที่สร้างขึ้นจากผลงานของนักคิดผิวสีผู้ยิ่งใหญ่ เช่น W. E. B. Du Bois และ Zora Neale Hurston ทำให้เขามองว่าประวัติศาสตร์ของอเมริกาผ่านเลนส์ของคนผิวดำ ไม่ใช่เลนส์ที่ขาวโพลน สิ่งนี้ทำให้เขาไม่ต้อง "แกะกระจกบ้านพิศวง" ของอดีตอเมริกา เพราะสำหรับเขา อเมริกาที่มีอยู่ใน "ห้องกลาง" คือ "อเมริกาที่แท้จริง" ซึ่งความดำรงอยู่ของคนผิวดำเป็นศูนย์กลางที่ทุกสิ่งหมุนวนไปรอบๆ2. ชาวผิวขาวถูก "ประดิษฐ์ขึ้น" ในอเมริกาอย่างไร และแนวคิดนี้เชื่อมโยงกับการเป็นทาสและอำนาจอย่างไร? แนวคิดเรื่อง "ความเป็นคนผิวขาว" เป็นสิ่งที่ทันสมัยมาก โดยเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 และ 20 ก่อนหน้านั้น วัฒนธรรมส่วนใหญ่ไม่ได้มีคำว่า "เชื้อชาติ" ...
    Voir plus Voir moins
    8 min
  • [รีวิว] On Power (Mark R. Levin) สรุปหนังสือ
    Aug 7 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ On Power เขียนโดย Mark R. Levin - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/OnPower - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/OnPower - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0F29YRH3P?tag=9natree-20 #OnPower #รีวิวOnPower #สรุปOnPower #หนังสือOnPower 1. อำนาจคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์และสังคม? อำนาจเป็นพลังงานหรือแรงที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา มีอยู่ทุกหนทุกแห่งในชีวิตส่วนตัวและในสังคมทั้งหมด และมีความสำคัญในทุกๆ ด้าน มันเป็นความจริงหลักและคุณลักษณะของการมีอยู่ของมนุษย์ การทำความเข้าใจอำนาจมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะมันกำหนดการจัดระเบียบทางสังคม คุณภาพชีวิต และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าบุคคลจะเป็นอิสระหรือถูกกดขี่ หรืออยู่ระหว่างนั้น นอกจากนี้ยังกำหนดชะตากรรมส่วนบุคคล ชะตากรรมของชุมชน และชะตากรรมของประเทศ อำนาจสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ เช่น อำนาจโดยนัย อำนาจที่จำเป็น อำนาจที่สันนิษฐาน อำนาจที่ได้รับมอบหมาย อำนาจที่กำหนด อำนาจที่จำกัด อำนาจที่แบ่งแยก อำนาจที่ไม่ชัดเจน และอำนาจที่ยึดมา ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเสรีภาพและเป็นตัวกำหนดว่ามีเสรีภาพมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ขึ้นอยู่กับการใช้อำนาจ ผู้ใช้อำนาจ และการผูกพันด้วยสิทธิมนุษยชน 2. "อำนาจเชิงลบ" และ "อำนาจเชิงบวก" ต่างกันอย่างไร? อำนาจเชิงลบ คืออำนาจที่ใช้โดยการบังคับหรือวิธีการบีบบังคับอื่นๆ ที่ไม่ชัดเจนนัก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดอัตลักษณ์ส่วนบุคคล อธิปไตย และเสรีภาพ ในรูปแบบที่ก้าวร้าวที่สุด มันพยายามที่จะกลืนกินและควบคุมสังคม ไม่ใช่ให้บริการสังคม โดยพรากเจตจำนงเสรี ความภาคภูมิใจในตนเอง ความทะเยอทะยาน การพัฒนา และจิตวิญญาณของมนุษย์จากบุคคล มันควบคุมสังคมผ่านอำนาจที่รวมศูนย์ ท้าทายไม่ได้ และมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันต้องจำกัดการพูดและการถกเถียง บิดเบือนภาษา และสร้างความหมายใหม่ให้คำที่มีอยู่หรือสร้างคำใหม่เพื่อประโยชน์ของตนเอง ในสังคมตะวันตกสมัยใหม่ อำนาจเชิงลบมักจะปรากฏในรูปของ "อำนาจเชิงลบอ่อน" ซึ่งเป็นการรวมศูนย์อำนาจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้พลเมืองมีส่วนร่วมน้อยลง ...
    Voir plus Voir moins
    10 min
  • [รีวิว] Behind the Badge (SSGT Johnny Joey Jones) สรุปหนังสือ
    Aug 7 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Behind the Badge เขียนโดย SSGT Johnny Joey Jones - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BehindtheBadge - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BehindtheBadge - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B0DKB6WCPL?tag=9natree-20 #BehindtheBadge #รีวิวBehindtheBadge #สรุปBehindtheBadge #หนังสือBehindtheBadge 1. อะไรคือแรงจูงใจเบื้องหลังการเลือกอาชีพในบริการสาธารณะ เช่น ตำรวจ นักผจญเพลิง หรือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า? แรงจูงใจในการเลือกอาชีพบริการสาธารณะเหล่านี้มีความหลากหลายและลึกซึ้ง หลายคนได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณีของครอบครัว เช่น Katelyn Kotfila ที่มีพ่อและปู่เป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หรือ Justin Heflin ที่เติบโตมากับพ่อที่เป็นนาวิกโยธินและตำรวจ บางคนได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น Steve Hennigan ที่ตัดสินใจเข้าร่วมนาวิกโยธินหลังเหตุการณ์ระเบิดที่เบรุต หรือ Mark Lamb ที่เข้าร่วมงานตำรวจเมื่ออายุ 34 ปีเพราะต้องการจุดมุ่งหมายในชีวิตหลังจากเหตุการณ์ 9/11 นอกจากนี้ ความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน การช่วยเหลือผู้อื่น และความตื่นเต้นในการเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้คนเข้าสู่อาชีพเหล่านี้ ดังที่ Clay Headrick นักผจญเพลิงกล่าวว่า เขาเป็นเพียง "คนธรรมดาที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา" และ Vincent Vargas ที่ปรารถนาจะ "ช่วยเหลือผู้คน"2. เจ้าหน้าที่บริการสาธารณะต้องเสียสละอะไรบ้างในการปฏิบัติงาน? การเสียสละของเจ้าหน้าที่บริการสาธารณะมีหลากหลายมิติ ทั้งในด้านชีวิตส่วนตัว ความสัมพันธ์ สุขภาพกายและสุขภาพจิต ตัวอย่างเช่น Keith Dempsey และ Terry Mills หัวหน้าเจ้าหน้าที่ที่ต้องขับรถผ่าน "สนามรบ" ในชีวิตประจำวันของพวกเขา ทั้งอุบัติเหตุรถยนต์และเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว เจ้าหน้าที่เหล่านี้เห็น "สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เราสามารถทำต่อกันในฐานะมนุษย์ได้" แต่พวกเขาก็ยังคงมาทำงานทุกวัน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อชีวิตและร่างกาย ซึ่งอาจเป็นการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตในหน้าที่ หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นทีละน้อยตลอดอาชีพที่ยาวนาน เช่น การเห็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์หรือเพื่อนเจ้าหน้าที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ...
    Voir plus Voir moins
    7 min
  • [รีวิว] Bulletproof Problem Solving (Charles Conn, Robert McLean) สรุปหนังสือ
    Jul 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Bulletproof Problem Solving เขียนโดย Charles Conn, Robert McLean - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BulletproofProblemSolving - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BulletproofProblemSolving - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B07PFRCCY4?tag=9natree-20 #BulletproofProblemSolving #รีวิวBulletproofProblemSolving #สรุปBulletproofProblemSolving #หนังสือBulletproofProblemSolving 1. "Bulletproof Problem Solving" คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญในศตวรรษที่ 21? "Bulletproof Problem Solving" คือกระบวนการที่ครอบคลุมและวนซ้ำได้ 7 ขั้นตอนสำหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความท้าทายที่ซับซ้อนในชีวิตส่วนตัว การทำงาน และขอบเขตเชิงนโยบาย ในอดีต การแก้ปัญหาถูกมองว่าเป็นโดเมนของบางอาชีพ เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และการให้คำปรึกษาด้านการจัดการ อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของศตวรรษที่ 21 ความสามารถในการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์จึงไม่ได้เป็นเพียงทักษะในโดเมนที่จำกัดอีกต่อไป แต่เป็นความคาดหวังของบุคคลและทีมงานในทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และภาครัฐ ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกจ้างงานโดยพิจารณาจากทักษะการวิเคราะห์และการคิดที่แสดงให้เห็น ประเมินจากการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากความสามารถในการระดมทีมที่คล่องตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาที่ดีเกิดขึ้นจากการฝึกฝน ไม่ใช่พรสวรรค์ โดยเน้นที่การตั้งคำถามที่ดี การสร้างสมมติฐานที่คมชัด การจัดโครงสร้างปัญหาอย่างมีเหตุผล การจัดลำดับความสำคัญอย่างเคร่งครัด การวิเคราะห์อย่างชาญฉลาด และการสังเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อเล่าเรื่องราวที่กระตุ้นการกระทำ 2. วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง? วงจรการแก้ปัญหาแบบ "Bulletproof Problem Solving" ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนที่สามารถดำเนินการซ้ำได้ภายในกรอบเวลาใดก็ได้ โดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน เมื่อถึงจุดสิ้นสุดเบื้องต้นแล้ว คุณสามารถทำซ้ำกระบวนการเพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้จะไม่ได้ระบุทั้ง 7 ขั้นตอนโดยละเอียดในแหล่งข้อมูล แต่ก็มีการกล่าวถึงขั้นตอนหลักๆ ดังนี้: กำหนดปัญหา: ...
    Voir plus Voir moins
    8 min
  • [รีวิว] Big Dumb Eyes (Nate Bargatze) สรุปหนังสือ
    Jun 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Big Dumb Eyes เขียนโดย Nate Bargatze - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/BigDumbEyes - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/BigDumbEyes - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/1538768461?tag=9natree-20 #BigDumbEyes #รีวิวBigDumbEyes #สรุปBigDumbEyes #หนังสือBigDumbEyes 1. "Big Dumb Eyes" หมายถึงอะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อผู้เขียน? คำว่า "Big Dumb Eyes" เป็นการเล่นคำที่ผู้เขียน, Nate Bargatze, ใช้เพื่ออธิบายความเข้าใจผิดที่ผู้คนมีเกี่ยวกับเขา ผู้คนมักจะพูดกับเขาช้าๆ และเว้นวรรคราวกับว่าเขาไม่เข้าใจง่ายๆ เนื่องจากสายตาของเขาที่ดู "ใหญ่และโง่" ในบทนำของหนังสือ เขายังเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับผู้คนที่เข้าใจผิดว่า "Big Dumb Eyes" เป็น "Big Demise" ซึ่งเขาเน้นย้ำว่าไม่ใช่สิ่งที่หนังสือเล่มนี้สื่อถึง ชื่อนี้จึงสะท้อนถึงการรับรู้จากภายนอกเกี่ยวกับตัวเขาและอารมณ์ขันที่เกิดจากการเข้าใจผิดเหล่านี้2. หนังสือเล่มนี้มีโครงสร้างอย่างไร และผู้เขียนพยายามสร้างประสบการณ์การอ่านแบบใด? ผู้เขียนตั้งใจออกแบบหนังสือให้แตกต่างจากหนังสือทั่วไปที่เขาไม่ชอบอ่าน เขาระบุว่า "หนังสือทุกเล่มมีแต่คำพูดมากมาย" และ "ไม่เคยผ่อนคลาย" ในทางตรงกันข้าม หนังสือของเขาไม่มีลำดับที่แท้จริง ไม่มีเหตุผลเบื้องหลังมากนัก ผู้อ่านสามารถเปิดไปที่บทใดก็ได้โดยไม่ต้องมีข้อมูลพิเศษหรือความรู้ใดๆ เขาให้สัญญาว่าจะมีการ "หยุดพัก" และ "หน้าเปล่าๆ" เพื่อช่วยให้ผู้อ่าน "หายใจออก" และหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ยากๆ ซึ่งสะท้อนถึงสไตล์ตลกที่เรียบง่ายและเข้าถึงง่ายของเขา3. อะไรคือลักษณะสำคัญของเมืองบ้านเกิดของผู้เขียนในรัฐเทนเนสซี? บ้านเกิดของผู้เขียนคือเลควูด ซึ่งเป็น "เมืองเล็กๆ ที่อยู่ในเมืองเล็กๆ อีกเมืองหนึ่ง" ที่ชื่อว่าโอลด์ฮิกกอรี่ในรัฐเทนเนสซี ผู้เขียนอธิบายว่าเมืองนี้เล็กมากจนทุกคนรู้จักกัน ทำให้ไม่ค่อยมีการก่ออาชญากรรมร้ายแรง เขาเล่าถึงสภาพแวดล้อมที่ผู้คนรู้จักกันดีและตำรวจดูเหมือนจะคุ้นเคยกับชาวเมือง เมืองนี้ยังเป็น "เมืองบริษัท" ที่มีโรงงานดูปองท์ ซึ่งแต่เดิมผลิตดินปืนและต่อมาผลิตสารเคมี เขายังเน้นย้ำถึงความเรียบง่ายและเป็นบ้านนอกของเมือง โดยยกตัวอย่างเช่น ความพยายามไร้ประโยชน์ในการเล่นเลื่อนบนเนินโคลน4. ...
    Voir plus Voir moins
    8 min
  • [รีวิว] The Power of Now (Eckhart Tolle) สรุปหนังสือ
    Jun 5 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ The Power of Now เขียนโดย Eckhart Tolle - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/ThePowerofNow - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/ThePowerofNow - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/B002361MLA?tag=9natree-20 #ThePowerofNow #รีวิวThePowerofNow #สรุปThePowerofNow #หนังสือThePowerofNow 1. "พลังแห่งปัจจุบัน" คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญ? พลังแห่งปัจจุบัน คือพลังของการดำรงอยู่ของคุณ หรือสภาวะแห่งจิตสำนึกที่ปราศจากรูปแบบความคิด มันเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันคือมิติเดียวที่คุณมีชีวิตอยู่จริงและสามารถรับรู้ความเป็นอยู่ ได้อย่างแท้จริง ทั้งอดีตและอนาคตไม่มีอยู่จริงในตัวของมันเอง แต่เป็นเพียงร่องรอยความทรงจำหรือการคาดการณ์ของจิตใจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเท่านั้น การยึดติดกับอดีตหรืออนาคตจะทำให้เกิดความวิตกกังวล ความทุกข์ และความไม่พอใจ ในขณะที่การจดจ่ออยู่กับปัจจุบันจะนำมาซึ่งความสงบสุข ความสุข และการเชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของคุณ2. จิตใจของเราเป็น "โรค" ได้อย่างไร และเราจะปลดปล่อยตัวเองจากการเป็นทาสของมันได้อย่างไร? จิตใจกลายเป็น "โรค" เมื่อมันใช้งานเราแทนที่เราจะใช้งานมัน การคิดกลายเป็นเรื่องบังคับและต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการคิดซ้ำๆ ไร้ประโยชน์ และบ่อยครั้งก็เป็นไปในทางลบ จิตใจที่ครอบงำนี้ทำให้เกิดความทุกข์ ความวิตกกังวล และสร้างอัตตา ขึ้นมา ซึ่งเป็นตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิดและยึดติดกับสิ่งภายนอก ทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวและเป็นที่มาของความกลัว เพื่อปลดปล่อยตัวเอง เราต้องเริ่มต้นด้วยการ "เฝ้าดูผู้คิด" นั่นคือการรับฟังเสียงในหัวของเราโดยไม่ตัดสิน การสังเกตนี้จะทำให้เกิดช่องว่างในกระแสความคิด นำไปสู่การตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของเราในฐานะผู้สังเกต ซึ่งอยู่เหนือความคิด เมื่อเราถอนพลังงานจากการยึดติดกับความคิด จิตใจก็จะสูญเสียอำนาจครอบงำ และเราจะเริ่มเข้าถึงสติปัญญาที่อยู่เหนือความคิด เช่น ความงาม ความรัก ความคิดสร้างสรรค์ และความสงบภายใน3. "ความเป็นอยู่" คืออะไร และเหตุใดผู้เขียนจึงหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "พระเจ้า"? ความเป็นอยู่ คือสถานะธรรมชาติของการรวมเป็นหนึ่งกับความเป็นอยู่ ที่รู้สึกได้ ...
    Voir plus Voir moins
    9 min
  • [รีวิว] Attached (Amir Levine, Rachel Heller) สรุปหนังสือ
    Jun 4 2025
    ประเด็นที่น่าสนใจของหนังสือ Attached เขียนโดย Amir Levine, Rachel Heller - พิกัด Lazada/Shopee: https://9natree.top/book/Attached - พิกัด Kinokuniya: https://9natree.top/p/Kinokuniya/Attached - Kindle [EN] : https://www.amazon.com/dp/1585429139?tag=9natree-20 #Attached #รีวิวAttached #สรุปAttached #หนังสือAttached 1. สไตล์ความผูกพันคืออะไร และมีกี่ประเภท? สไตล์ความผูกพัน คือรูปแบบพฤติกรรมและความคิดที่แต่ละคนแสดงออกในความสัมพันธ์โรแมนติก ซึ่งพัฒนามาจากประสบการณ์การผูกพันกับผู้ดูแลหลักในวัยเด็ก ทฤษฎีนี้เสนอว่าสไตล์ความผูกพันส่งผลอย่างมากต่อความสามารถของเราในการเติบโตในโลกและวิธีที่เรารู้สึกเกี่ยวกับตัวเอง รวมถึงความเชื่อในตัวเองและโอกาสในการบรรลุความหวังและความฝันของเรา มีสไตล์ความผูกพันหลักๆ อยู่ 3 ประเภท: แบบกังวล : คนกลุ่มนี้ปรารถนาความใกล้ชิดสนิทสนมอย่างมากในความสัมพันธ์ แต่ก็มักจะกลัวว่าคู่ของตนจะไม่ต้องการความใกล้ชิดเท่าที่ตนต้องการ ความสัมพันธ์มักจะใช้พลังงานทางอารมณ์ไปมาก พวกเขามักจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอารมณ์และการกระทำของคู่ และมักจะตีความพฤติกรรมของคู่เป็นการส่วนตัวมากเกินไป ส่งผลให้เกิดอารมณ์เชิงลบมากมายและมักจะแสดงพฤติกรรมที่เสียใจในภายหลัง อย่างไรก็ตาม หากได้รับความมั่นคงและการรับรองอย่างเพียงพอ พวกเขาสามารถลดความกังวลและรู้สึกพึงพอใจได้ แบบหลีกเลี่ยง : คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระอย่างมากและมักจะมองว่าการพึ่งพาผู้อื่นหรือ "ความต้องการ" เป็นเรื่องที่ไม่ดี พวกเขามักจะใช้กลยุทธ์ในการสร้างระยะห่างทั้งทางอารมณ์และทางกายภาพ เช่น การส่งสัญญาณที่สับสน การไม่ต้องการเปิดเผยความรู้สึกภายใน หรือการหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ พวกเขามักจะ "เอาชนะ" คู่รักได้อย่างรวดเร็วและพร้อมที่จะออกเดทใหม่เกือบจะทันที แบบมั่นคง : คนกลุ่มนี้ต้องการความใกล้ชิดในขณะที่ก็ไม่ไวต่อการถูกปฏิเสธมากเกินไป พวกเขามีทักษะการสื่อสารที่ดีเยี่ยมและรู้วิธีถ่ายทอดข้อความของตนอย่างตรงไปตรงมาแต่ไม่กล่าวโทษ เมื่อเข้าใกล้คนที่มีสไตล์ความผูกพันแบบมั่นคง คุณไม่จำเป็นต้องต่อรองเรื่องความใกล้ชิดอีกต่อไป เพราะมันกลายเป็นเรื่องปกติ ...
    Voir plus Voir moins
    10 min